อธิบายเรื่องข้องใจ ประเภทการปลูกชาในญี่ปุ่น

ออแกนิค /ไม่ออแกนิค ทั้งที่มีใบเซอ และไม่มีใบ / ชาปลูกธรรมชาติ เป็นไง ชาวบ้านปลูกเอง เราจะแยกแยะประเภทยังไง เพื่อให้ได้บริโภคสินค้าได้ในแบบที่เราต้องการ ??

🏢Conventional Tea farming 慣行栽培 kankousaibai

คือการการปลูกโดยใช้มาตรฐานอุตสาหกรรมทั่วไป และเป็นสเกลใหญ่ แบบแมสๆ ที่เห็นชัดๆเลยคือที่หาได้ตามซุปเปอร์ทั่วไป

ฟาร์มแบบนี้มักมีการใช้ ยาฆ่าแมลง ปุ๋ย สารเคมีตามมาตรฐานอุตสาหกรรมที่กำหนดโดยรัฐบาลญี่ปุ่น (แต่ก็ยังคลุมเคลือเพราะ ไม่มีข้อจำกัดถึงจำนวนครั้งที่สามารถใช้ได้) ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของไร่นั้นๆ แอดว่าถือเป็นการเซฟให้กับชาวไร่ระดับนึงลักษณะของฟาร์มจะยาวววเป็นแถว ยาวสุดลูกหูลูกตา ต้นชาสูงไล่เลี่ยกัน ปลูกที่ราบหน่อย เพื่อที่จะได้ใช้เครื่องเก็บใบชาไถได้สะดวก (เป็นภูเขาเนินๆใช้เครื่องไม่ได้)

🛤Organic farming 有機栽培 yuukisaibai

คือการปลูกโดยไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมี สารยาฆ่าแมลงเคมี แต่จะมีการใช้ปุ๋ยธรรมชาติ (ที่ตรวจแล้วไม่มีการใช้สารเคมีมาอีกที) เช่นมูลสัตว์ ปุ๋ยที่ได้มาจากซากพืช อาหารปลา ฟาง หญ้าแห้ง ต่างๆ การที่จะได้คำว่า “Organic” มาติดชื่อฟาร์มนั้นต้องผ่านการประเมินโดย JAS Japanese Agricultural Standards ก่อน ดังนั้นแบรนด์หรือรุ่นชาที่มี JAS ติดนับได้เลยว่าเป็น Organic ค่ะ ถ้าไม่มีก็ควรเลี่ยงดีกว่าถ้าเราเน้นออแกนิคนะคะ

😆 จะบอกว่าในญี่ปุ่น กระแสออแกนิคยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร😭 เพราะว่าคนญี่ปุ่นเชื่อว่ามาตรฐานที่เซ็ตโดยรัฐบาลของเค้านั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่อันตรายหรอก และอะไรก็ตามที่ปลูกในดินของญี่ปุ่นก็คือของดีแล้ว ความเชื่อนี้ทำให้วงการออแกนิคในญี่ปุ่นไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย และยังทำให้ไร่ต่างๆลังเลใจที่จะหันมาทำฟาร์มออแกนิค อีกทั้งวงการชาญี่ปุ่นนั้นเน้น ความ lush ความ umami สดๆสูงๆหอมๆ ซึ่งรสเหล่านี้มักจะได้ในการปลูกแบบ Conventional farming คือแบบที่ใช้เคมีทั่วไป

เพราะพวกนี้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสารอาหารในดิน คนทั่วไปก็ยัดอัดฉีดปุ๋ยเข้าไปเต็มที่อย่างง่ายดาย อยากได้อะไรก็ปรับแปรธาตุไป สบายๆ 😎ส่วนฟาร์มออแกนิคนี่น้ำตาเลือดแทบกระเด็น 😭เพราะปุ๋ยธรรมชาตินั้นเทียบประสิทธิภาพไม่ได้เลย

ดังนั้นวงการชาจึงไม่ได้ให้คุณค่าและสนใจในออแกนิคฟาร์มมากนัก 🍂 เราไม่ควรนำชาออแกนิคมาทานเทียบกับชาทั่วไป เพราะเป็นการปลูกอีกประเภทและรสชาติคนละระดับกันเลยจริงๆนะ 🙏ลักษณะของฟาร์มก็เหมือนข้างบนคะ ปลูกชาเป็นแถวยาววว สูงไล่เลี่ยกันได้ใช้เครื่องไถเก็บได้ง่าย ที่ราบเรียบมีเนินบ้าง

🏔Natural Tea farming 自然栽培 Shizensabai

เป็นการปลูกชาแบบปล่อยให้ไปตามธรรมชาติในการบำรุงหล่อเลี้ยงสารอาหารของพืช โดยไม่มีการใส่ปุ๋ยหรือกำจัดแมลงแต่อย่างใด 🌱ทำให้เหมือนต้นชานั้นอยู่ตามธรรมชาติของมันอย่างที่เคยเป็นมาในภูเขา (แต่ไม่ได้ปล่อยเลย ก็คือมีการไปเด็ดวัชพืชบ้างไม่ได้ปล่อยร้างนะคะ)

วิธีนี้เป็นวิธีที่อนุรักษ์นิยมใช้กัน (55) หรือกลุ่มชาวบ้านบ้านนอก หรือวัด / ศาลเจ้าเก่าที่มีประวัติด้านนี้ ยิ่งกว่าวิธีการปลูกแบบออแกนิคอีก การปลูกแบบนี้จะทำให้ชามีกลิ่น รสที่มีลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละพื้นที่ไปเลย (ถ้าปล่อยไม่ทำอะไรเลยจะเรียกว่า Wild growth คือชาป่า อย่าสับสนเน้อ)

ลักษณะคือปลูกต้นชาเป็นหย่อมๆ ไม่ได้เป็นแถว นึกสภาพสวนมะม่วงอะคะ…. หรือบ้างก็ปลูกบนภูเขา เนิน ต้นชาได้ไม่แย่งสารอาหารกัน เวลาเก็บต้องเก็บมือเท่านั้นเพราะเครื่องไปไม่ถึง เข้าไม่ได้คะ สมัยโบราณเค้าจะปลูกเป็นหย่อมๆแบบนี้เหมือนกันคะ แบบไร่ชาเป็นแถวยาวๆเพิ่งมาเริ่มปลูกกันตอนที่มีการคิดค้นเครื่องเก็บใบชาน่าจะช่วงปี 1800 เป็นต้นมา

แปลเรียบเรียง เล่าใหม่ สลับไปมา โดยแอด จากหนังสือ Story of Japanese Tea by Tyas Sosen หน้า 25-30

ปล. อยากลองชา organic – ชา Natural farming แอดมีนะคะ ส่งให้ลองได้ รสจะ…. แท้ทรูมากคะ 🌱🙏😌 เป็นรสที่ไม่ว๊าว ไม่หอมหวานน่าลิ้มลอง แต่จะบอกว่าทานแล้วมันขลัง 555 คือมันรู้สึกได้ถึง รสชาติที่ชาควรจะเป็นจริงๆ ความไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป แอดซื้อมากจากผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คะ นอกเหนือจากนี้พวกชาออแกนิคหรือ ชาปลูกธรรมชาติ ก็จะมีตามร้านชาญี่ปุ่นที่ฝรั่ง หรือคนญี่ปุ่นหัวใหม่ ไปบุกเบิกมาคะ เช่น Thes du japon / ShizenTea / Yunomi / The Tea crane / ….

ขอบคุณรูปจาก Hojo tea นี่คือรูปต้นชาที่ปลูกแบบธรรมชาติคะ

เวิร์กช็อปที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่สนใจชาญี่ปุ่นและมัทฉะ

เรามีจัดชิมชาญี่ปุ่น 7 ตัว และแนะนำวิธีการชง สำหรับผู้เริ่มต้น

Hajime no Chajin
「初めの茶人」

เข้าใจรสชาติที่แตกต่างของมัตฉะที่ขายอยู่ในตลาด

Essential Matcha

Contact for the latest updates

There are more special workshops about Japanese tea and matcha. Feel free contact us.

เพิ่มเพื่อน
Leave a Reply

Leave a Reply